ประวัติ ของ แม็กนาวอกซ์ โอดีสซี

แม็กนาวอกซ์โอดีสซีออกวางจำหน่ายในฤดูใบไม้ผลิ พ.ศ. 2515 แต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะการตลาดที่อ่อนแอของร้านค้าตัวแทนจำหน่ายของแม็กนาวอกซ์ ในอีกไม่กี่เดือนถัดมา ผู้บริโภคหลายคนถูกทำให้เชื่อว่าเครื่องเล่นเกมนี้สามารถเล่นได้กับเฉพาะเครื่องรับโทรทัศน์ของแม็กนาวอกซ์เท่านั้น ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้เครื่องเล่น ป็อง ของอาตาริที่ออกตัวในภายหลังได้อธิบายอย่างชัดเจนว่า "เครื่องเล่นเกม ป็อง สามารถเล่นได้กับเครื่องรับโทรทัศน์ทุกเครื่องไม่ว่าจะเป็นขาวดำ หรือสี" แม็กนาวอกซ์ได้ฟ้องศาลแก่ นายโนลัน บุชเนลล์ ในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์การออกแบบของเครื่องเล่น ป็อง ที่มีเกมปิงปองเหมือนกันกับโอดีสซี ในช่วงทศวรรษหลังจากนั้น แม็กนาวอกซ์ได้ดำเนินการฟ้องร้องบริษัทใหญ่ๆ หลายบริษัท เช่น โคเลโก, แมทเทล, ซีเบิร์ก, แอคติวิชัน เป็นต้น ซึ่งผลก็มีทั้งชนะความ และชนะการบังคับคดีอีกด้วย.[2][3]ในปี พ.ศ. 2528 แม็กนาวอกซ์ถูกฟ้องร้องโดยนินเท็นโดแทน และพยายามที่จะให้สิทธิบัตรของนายราล์ฟ แบร์ เป็นโมฆะ โดยนินเทนโดกล่าวว่าเครื่องเล่นวิดิโกมเครื่องแรกคือเกม Tennis For Two ของฮิกกินโบธแฮม (Higginbotham's Tennis For Two) ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2501 แต่ศาลตัดสินว่าเกมของฮิกกินโบธแฮม ไม่ได้ใช้ระบบส่งสัญญาณวิดีโอ จึงไม่เป็นเครื่องวิดีโอเกม ผลการตัดสินทำให้นินเท็นโดพ่ายไปในที่สุด และจ่ายค่าเสียหายให้กับ Sanders Associates

นายราล์ฟ แบร์ ดำเนินการคิดค้นเครื่องเล่นเกมแบบคลาสสิก "ไซมอน" ให้กับแมทเทลใน พ.ศ. 2521 ในเวลาต่อมา แม็กนาวอกซ์ได้วางจำหน่ายเครื่องเล่นเกมที่มีลักษณะคล้ายเครื่องเล่น ป็อง ที่มีขนาดย่อส่วนลงมาภายใต้ชื่อเดิม "โอดีสซี" (เป็นรุ่นที่ไม่ใช้ตลับเกม) และอีกรุ่นหนึ่งถัดมา "โอดิสซี²" ที่ใช้ตลับเกมและสามารถตั้งโปรแกรมได้

การร่วมทุนครั้งแรกในวงการเกมอิเล็กทรอนิกส์ของนินเท็นโด คือการกระจายสินค้าแม็กนาวอกซ์โอดีสซีในประเทศญี่ปุ่นใน 1975 ก่อนที่นินเท็นโดจะผลิตเครื่องเล่นเกมเป็นของตนเอง

ใกล้เคียง